หลวงพ่อเอีย กิตติโก วัดบ้านด่าน

ear

หลวงพ่อเอีย กิตติโก วัดบ้านด่าน

เมื่อหลวงพ่อเอียอายุได้ 20 ปี จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2468 ณ พัทธสีมาวัดสัมพันธ์ ต.สัมพันธ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยมีพระครูสังวรกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการอ้วน วัดชัยมงคล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการเคน เจ้าอาวาสวัดบ้านด่าน เป็นอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อเอียอุปสมบทได้รับฉายาว่า กิตติโก

หลวงพ่อเอียได้เรียนวิทยาคมจากพระธุดงค์อีกรูปหนึ่ง พระธุดงค์รูปนี้มีชื่อว่า พระอาจารย์โกลั่นฟ้า นัยว่าเป็นศิษย์ของสำเร็จลุน โดยพระอาจารย์โกลั่นฟ้าได้ธุดงค์มาจากประเทศลาว มาปักกลดอยู่ภายในบริเวณวัดบ้านด่านนั่นเอง หลวงพ่อเอียได้นิมนต์ให้พระอาจารย์โกลั่นฟ้าจำพรรษาอยู่ที่วัด หลวงพ่อเอียได้ศึกษาวิชาจากพระอาจารย์โกลั่นฟ้านาน 6 เดือนกว่าๆ หลังจากนั้นพระอาจารย์โกลั่นฟ้าก็ออกเดินธุดงค์ต่อไป

หลวงพ่อเอียเล่าว่าขณะที่หลวงพ่อกำลังครองจีวรเพื่อที่จะออกไปส่งพระอาจารย์โกลั่นฟ้านั้น ปรากฏว่าพระอาจารย์โกลั่นฟ้าหายได้ไปแล้ว หลวงพ่อเอียรีบเดินตามเท่าไรก็ไมทัน ท่านว่าพระอาจารย์โกลั่นฟ้าสำเร็จวิชาย่นระยะทางได้

หลวงพ่อเอียได้สงเคราะห์สาธุชนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง จนมีประชาชนเคารพเลื่อมใสท่านเป็นอันมาก ถึงกับเรียกขนานนามหลวงพ่อเอียว่า “เทพเจ้าเมืองหน่อไม้ไผ่ตง”

พ.ศ.2482 หลวงพ่อเอียได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านด่าน ซึ่งยังเป็นยุคที่บ้านเมืองยังอยู่ในภัยสงคราม วัตถุมงคลของหลวงพ่อเอียมีประสบการณ์คุ้มครองทหารและประชาชนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว

ประชาชนที่มาหาหลวงพ่อเอียนั้น มีทั้งที่มาขอรับวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง มาขอน้ำมนต์ไปดื่มและอาบเป็นศิริมงคล ขณะที่หลวงพ่อเอียมอบวัตถุมงคลให้ หลวงพ่อเอียจะสอนให้เป็นคนดีมีศีลธรรม ผู้เขียนนี้ยังจำเสียงสำเนียงของหลวงพ่อเอียเวลาที่ท่านพูดได้ ถ้าเป็นคนทางกรุงเทพฯไปกราบท่านก็จะพูดภาษาภาคกลาง ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปท่านก็จะพูดเป็นภาษาอิสาน ซึ่งเป็นภาษาอิสานแบบปราจีนบุรี เวลาที่ท่านสนทนากับมารดาของผู้เขียนจะคุยเป็นภาษาอิสาน ซึ่งผู้เขียนได้ยินชัดเจน แต่พอหลวงพ่อเอียท่านคุยกับผู้เขียนท่านก็จะพูดแบบคนกรุงเทพฯ

ในช่วงพ.ศ. 2510 ขึ้นมานั้น พระอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มีชื่อเสียงขึ้นมาจนเป็นกระแสนิยมพระกรรมฐาน พระอาจารย์ฝ่ายวิทยาคมหรือพระเกจิอาจารย์นั้นมีผู้กล่าวถึงน้อยลงไปมาก แต่หลวงพ่อเอียเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ฝ่ากระแสพระสายกรรมฐานขึ้นมาได้ โดยมีชื่อเสียงเกียรติคุณร่วมสมัยกันกับพระอาจารย์รูปสำคัญๆ ของสายหลวงปู่มั่น แม้แต่การอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลของพระสายกรรมฐานในจังหวัดปราจีนบุรี ก็ยังต้องนิมนต์หลวงพ่อเอียมาร่วมอธิษฐานจิตอยู่เสมอ

ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงพ่อเอียจึงเลื่องลือระบือไกล มีประชาชนแห่ไปให้ท่านรักษาโรคภัยไข้เจ็บ แม้แต่คนบ้าเสียสติ สติฟั่นเฟือน คนที่ถูกคุณไสย คุณภูตผีปีศาจหรือถูกกระทำยยำเยียลมเพลมพัด ต่างก็มุ่งหน้ามาขอให้หลวงพ่อเอียรักษาให้ หลวงพ่อเอียไม่เคยเรียกร้องเงินทองเป็นค่ารักษาเลยแม้แต่รายเดียว บางรายมาไกลอาการหนักก็ต้องพักอยู่ที่วัดเป็นแรมเดือน อาหารการกินของผู้ป่วยหลวงพ่อเอียเมตตาเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด คิดเป็นเงินเดือนละหลายหมื่นบาท ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงมากในสมัยนั้น

ผู้เขียนเคยเห็นหลวงพ่อเอียทำน้ำมนต์ในถังเหล็ก หลวงพ่อเอียท่านเสกเดี๋ยวเดียวเห็นน้ำให้ถังหมุนวนได้เอง เห็นหลวงพ่อเอียประพรมน้ำมนต์ให้ผู้ป่วย แล้วผู้ป่วยอาเจียนออกมาเป็นเส้นผมเป็นกระจุก

ครั้งหนึ่งผู้เขียนนั่งดูหลวงพ่อเอียรักษาผู้ป่วย อยู่ๆ ก็มีเสียงคนฮือฮากันขึ้นมา แล้วเฮโรกันเข้าไปมุงดูจนมองไม่เห็นหลวงพ่อเอียเลย ผู้เขียนไม่เห็นเหตุการณ์ในตอนแรก จึงถามคนดูก็ได้ความว่า พอหลวงพ่อเอียประพรมน้ำพระพุทธมนต์ ปรากฏว่ามีก้อนเนื้อหล่นออกมาจากผู้ป่วย แล้วหลวงพ่อเอียเอาน้ำมนต์รดก้อนเนื้อนั้น แล้วให้เอาไปทำอาหารกินได้ ยังทันเห็นคนหยิบก้อนเนื้อนั้นไปด้วย

อีกครั้งหนึ่งมีคนพาผู้ป่วยเป็นผู้หญิงมาหาหลวงพ่อเอีย ผู้เขียนจำได้ว่าตอนนั้นกำลังยืนดูเหรียญรุ่นมังกรคู่ ซึ่งให้ทำบุญเพียงแค่สิบบาท เห็นหญิงผู้ป่วยนั้นอาละวาดดิ้นรนไม่ยอมขึ้นมาบนศาลาที่หลวงพ่อเอียท่านนั่งอยู่ เมื่อญาติๆคุมตัวขึ้นมาได้แล้วผู้หญิงคนนี้ก็นั่งซึม หลวงพ่อเอียเสกน้ำมนต์ประพรมให้เท่านั้น ผู้ป่วยร้องกรี๊ดโหยหวนแล้วได้สติเป็นปกติฟื้นขึ้นมากราบหลวงพ่อเอีย หลวงพ่อก็ให้เอาสายสิญจน์คล้องคอไว้

วัตถุมงคลของหลวงพ่อเอียทุกรุ่นเป็นที่นิยมกันมาก นับวันจะหายากขึ้นเรื่อยๆ ประสบการณ์วัตถุมงคลของหลวงพ่อเอียมีทั้งหนังเหนียวอยู่ยงคงกระพันมหาอุดแคล้วคลาด เมตตามหานิยมมหาโชคมหาลาภ มีวัตถุมงคลเนื้อผงผสมว่านรุ่นหนึ่งเรียกันว่ารุ่นไล่ควาย ซึ่งความจริงน่าจะเรียกว่ารุ่นควายไล่มากกว่า เรื่องมีอยู่ว่า

วันหนึ่งลูกศิษย์ของท่านแวะมากราบท่าน ลูกศิษย์ท่านนี้ผู้เขียนเคยสนทนาด้วย แต่วันเวลาผ่านไปนานมากจึงจำชื่อเลือนๆ ไป ท่านผู้นี้เห็นพระเนื้อผงผสมว่านรุ่นนี้วางตากอยู่ โดยที่หลวงพ่อเอียยังปลุกเสกไม่เสร็จ แต่ด้วยความอยากได้พระจึงหยิบเอาไปก่อน

ปรากฏว่าวันหนึ่งเดินผ่านควายตัวใหญ่แล้วเกิดเหตุการณ์หวาดเสียวขึ้น ควายตัวที่เห็นนั้นอยู่ๆ ก็เกิดอาละวาดวิ่งไล่ขวิดศิษย์หลวงพ่อเอียจนล้มลุกคลุกคลาน โดนเขาควายแหลมๆ ตักเข้าที่ลำตัวหลายครั้งจนเสื้อกางเกงขาดรุ่งริ่ง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย พอวิ่งหนีควายก็วิ่งไล่ขวิดตามหลังมาตลอด จึงเรียกวัตถุมงคลรุ่นนี้ว่ารุ่นไล่ควาย

พระองค์ที่เป็นต้นตอของชื่อรุ่นไล่ควายเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเอียพิมพ์สี่เหลี่ยม รุ่นไล่ควายนี้มีพิมพ์พระสมเด็จขนาดเล็กด้วย (ไม่เล็กนัก) หลวงพ่อเอียมอบให้คุณตาของผู้เขียน แล้วภายหลังคุณตามอบให้ผู้เขียนอีกทีหนึ่ง

ของขลังของหลวงพ่อเอียแบบหนึ่งดูแล้วไม่มีราคาเพราะเป็นแค่ก้อนขี้ผึ้งแห้งๆ แต่ลูกศิษย์ต่างอยากได้กันมาก ของชิ้นนี้เรียกกันว่า นวด มีคุณวิเศษใช้ได้สารพัด เป็นเมตตามหานิยมมหาโชค คุ้มครองป้องกันภัยกันคุณไสยต่างๆ

วิชาสำคัญของหลวงพ่อเอียอีกวิชาหนึ่งเป็นวิชาเสกปรอทห้าสี ท่านได้เรียนวิชานี้มาจากหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นวิชาเสกปรอทให้แข็งเป็นก้อนด้วยอำนาจจิต โดยจะทำเป็นเม็ดปรอท 5 เม็ด เสกให้ปรอทแข็งและแต่ละก้อนเสกแล้วจะเกิดมีสีไม่เหมือนกัน ปรอทชุดนี้ท่านจะใส่เอาไว้ที่ก้นย่าม คุณวิเศษครอบจักรวาล ที่แปลกคือเวลาที่จะมีใครมาหาท่าน ปรอทชุดนี้จะขยับตัวกรุกๆ กรักๆ บอกให้ท่านรู้ตัว

หลวงพ่อเอียมีพระพุทธรูปเป็นแก้วผลึกอยู่องค์หนึ่ง เป็นพระคู่บารมีของท่านโดยตรง มีขนาดหน้าตักประมาณไม่เกิน 3 – 4 นิ้ว เพราะวางไว้บนฝ่ามือได้ ปัจจุบันนี้ไม่ทราบว่าตกอยู่กับท่านใด

ประชาชนขนานนามท่านว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งเมืองหน่อไม้ไผ่ตง” หลวงพ่อเอียสงเคราะห์ประชาชนด้วยความเมตตาตลอดมา จนกระทั่งถึงวันมรณภาพ วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2521 รวมสิริอายุ 73 ปี